ระบบอัดอากาศ (compressed air) ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?
เรามีวิธีที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานระบบอัดอากาศสามารถพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบอัดอากาศได้
ระบบอัดอากาศกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างชาญฉลาด
จากการวิจัยล่าสุดโดยสถาบัน Carbon Trust พบว่าแม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันกันสูงขึ้น แต่บริษัทส่วนมากร้อยละ 70 ยังคงให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการจัดการและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีการใช้พลังงานเราต้องเลือกใช้อย่างชาญฉลาด แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก 10% มาจากกระบวนการผลิตลมอัดในระบบอัดอากาศของทุกโรงงาน ซึ่งผู้ที่จะทำให้การใช้พลังงานในส่วนนี้ลดลงได้ก็คือผู้ใช้งานระบบอัดอากาศหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่เรามีวิธีที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานระบบอัดอากาศสามารถพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบอัดอากาศได้ เพราะแอตลาส คอปโก้เราสนับสนุนเทคโนโลยีที่จะช่วยโลกและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Go Green แล้วดียังไง?
ต้นทุนตลอดอายุใช้งานของเครื่องอัดอากาศเกือบ 80% เป็นต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้า เราจึงควรตระหนักถึงเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
หากเราลดในส่วนนี้จะช่วยทำให้เราลดภาวะโลกร้อนไปได้มากเลยค่ะ ดังนั้นการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (air compressor) สักเครื่องจึงควรพิจารณาถึงเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้วยังเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
เพียงแค่เราใช้เครื่องอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานก็สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานได้แล้วหรือ? นี่อาจเป็นคำถามที่ผู้ใช้งานหลายท่านสงสัย บางครั้งผู้ใช้งานอาจมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนเริ่มต้นที่มีราคาสูงกว่าเครื่องอัดอากาศทั่วไป บางคนอาจจะคิดว่าการใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเครื่องเก่านั้นปลอดภัยดีแล้ว แต่ความจริงเราขอบอกเลยว่าเสี่ยงมาก หากคุณลองคำนวนถึงค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของเครื่องอัดอากาศตัวเดิมที่มีค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นทุกเดือนดูสิ ก็จะพบว่าการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานนั้นคุ้มค่ากว่ามากเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้วยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตด้วย
เครื่องอัดอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมอบความมั่นคงด้านการประหยัดค่าไฟให้แก่คุณ หากคุณได้ติดตั้งเครื่องอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน (Green air compressors) เพราะจะช่วยลดปัญหาด้านปริมาณลมผันผวนที่มีผลต่อค่าไฟในโรงงานอย่างมาก ลดปัญหาด้านการซ่อมบำรุง และควบคุมกันปล่อยมลพิษที่กฏหมายกำหนดอย่างแน่นอน
การประเมินเพื่อการเลือกเครื่องอัดอากาศอย่างถูกต้อง
เครื่องอัดอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะช่วยเรื่องประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานอย่างแท้จริง ดังนั้นสิ่งจำเป็นคือการเลือกเครื่องอัดอากาศที่เหมาะกับการใช้งาน นั่นคือเราต้องเข้าใจว่าระบบอัดอากาศของเราจำเป็นต้องมีอะไรบ้าง
ปริมาณการไหลของลมอัด
แรงดันที่จุดใช้งานต้องการ
แอปพลิเคชั่นที่ใช้เหมาะกับเครื่องอัดอากาศแบบไหน
ช่วงเวลาในการเดินเครื่องอัดอากาศ
คุณภาพอากาศอัดให้เหมาะกับการใช้งาน
ปริมาณมีความผันผวนมากแค่ไหน
หากคุณต้องการตรวจสอบการใช้พลังงานในระบบอัดอากาศ เราสามารถดำเนินการตรวจสอบได้โดยไม่กระทบกับการทำงานของเครื่องอัดอากาศหรือกระบวนการผลิตของคุณ ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า data logger หรือ iiTrak เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมและปริมาณการใช้ลมอย่างมีประสิทธิภาพ และประเมินการใช้พลังงานพร้อมเทียบกับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อปีแบบเป็นรูปเล่มรายงานให้เข้าใจง่าย เพื่อนำไปพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบอัดอากาศว่าการใช้งานของคุณเหมาะกับเครื่องอัดอากาศขนาดและประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอัดอากาศแบบ variable speed drive ที่เหมาะกับการผลิตแบบผันผวน หรือแบบบลูกสูบ (piston compressor) ที่เหมาะกับการใช้งานเป็นช่วงๆ ไม่ต่อเนื่อง หรือเครื่องอัดอากาศแบบสกรูโรตารี่ที่เหมาะกับทุกรูปแบบการใช้งาน
ทำยังไงถึงจะเลือกเครื่องอัดอากาศที่ได้ประสิทธิภาพเหมาะกับโรงงานเราที่สุด ?
หากการใช้งานของคุณมีความต้องการลมอัดคงที่ตลอดเวลา ให้คุณเลือกใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบความเร็วคงที่ (fixed-speed compressor) ก็เพียงพอแล้ว แต่ในการใช้งานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะมีความต้องการลมอัดที่ผันผวน ไม่คงที่ จึงเหมาะกับเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบปรับความเร็วรอบมอเตอร์ได้ (variable speed drive compressor) มากกว่า เนื่องจากตรงกับความต้องการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้มากในระยะยาว เครื่องอัดอากาศแบบ VSD และ VSD+ จะผลิตอากาศที่มีคุณภาพสูงแต่ขณะเดียวกันก็ลดการใช้พลังงานลงโดยเฉลี่ยถึง 50% จากเดิม
เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่า “โรงงานเราต้อง Go Green แล้วหล่ะ” ลองตัดสินใจตรงสอบค่าการใช้พลังงานก่อนเป็นอย่างแรก คลิก>> ที่นี่ เพื่อดู promotion ฟรีตรวจเช็คค่าพลังงานในระบบอัดอากาศ (ii-trak) แล้วทำการวิเคราะห์เพื่อเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีและเป็นประโยชน์ การพิจารณาเลือกลงทุนเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมนั้นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ต้องตัดสินใจคือค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน (Total Cost of Ownership) เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเป็นตัวอย่างที่เห็นความแตกต่างได้ชัดระหว่างการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศครั้งแรกกับค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน (Total Cost of Ownership)
การเลือกใช้เครื่องอัดอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีผลดีกับเงินในกระเป๋าคุณยังไงละ?
ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน (Total Cost of Ownership) ของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (air compressor) นั้นประกอบไปด้วยต้นทุนค่าซื้อเครื่อง ค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการเดินเครื่องและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตลอดอายุการใช้งาน แม้ต้นทุนของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นจะมีราคาสูงกว่าเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมทั่วไป แต่ลองนึกถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าซ่อมบำรุงตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำกว่าเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมทั่วไปดูสิแล้วจะพบว่าคุ้มค่ากว่ากันมากในระยะยาว
การตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศนั้น ค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้อเครื่องครั้งแรกถือเป็นเงินเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของเครื่องอัดอากาศ อ้าว...แล้วค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับค่าอะไรล่ะ? 70%ของค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในระบบอัดอากาศ คุณอาจจะคิดไม่ถึง แต่นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่และมีแนวโน้มที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หากคุณยังไม่รีบแก้ไข หรือทำความเข้าใจว่าทำไมการเปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน มันจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายด้านพลังงานขให้สูงขึ้นเรื่อยๆ บริษัทต่างๆ จึงหันมาใช้พลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนและเทคโนโลยีที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
หากต้นทุนด้านพลังงานหรือค่าไฟนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายหลักของค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน (total cost of ownership) การใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการลงทุน
ปัจจุบันเกือบทุกบริษัทนั้นให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกธุรกิจนั้นพร้อมจะปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เนื่องจากยังมีผู้ประกอบการหลายๆ ท่านยังคงเชื่อว่าการลงทุนเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นมีราคาแพงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณลองคิดดูตามความเป็นจริงแล้ว เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นสามารถช่วยประหยัดและลดต้นทุนได้ในระยะยาว เรามีหลักฐานจากผู้ใช้จริงที่สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานด้านพลังงานลงได้มากกว่า 30% ต่อปีและสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาน้อยกว่าสองปี
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Going green) ไม่ใช่แค่การซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมตัวใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพราะนอกจากผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจากการลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศใหม่แล้ว การดูแลติดตั้งเครื่องอัดอากาศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่นกัน
ความร้อนที่เหลือทิ้งจากกระบวนการบีบอัดอากาศก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยอนุรักษ์พลังงานได้ในอนาคต
พลังงาน (Energy) มีคุณสมบัติที่โดดเด่นเฉพาะตัว นั่นก็คือไม่เคยลดน้อยลง แต่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานรูปแบบอื่นแทน เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่ผลิตพลังงานความร้อนออกมานั้น ธุรกิจส่วนใหญ่จะปล่อยให้ความร้อนนี้กระจายตัวหายไปโดยเร็วที่สุดเพื่อรักษาอุณหภูมิโดยรอบให้ต่ำลง แต่เราขอนำเสนอวิธีที่ดีกว่าในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปในตัวนั่นก็คือการนำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ (heat recovery)
ซึ่งแทนที่คุณจะปล่อยพลังงานความร้อนทิ้งโดยเปล่าประโยชน์นั้น การเลือกเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (air compressor) ที่มีระบบกู้พลังงานความร้อนกลับมาใช้ใหม่ได้ในตัวหรือติดตั้งระบบกู้คืนความร้อนระหว่างเครื่องอัดอากาศ ที่วงจรทำความเย็นและความร้อน (heat recovery system) โดยเราสามารถกู้คืนและนำพลังงานความร้อนที่เหลือทิ้งในระบบอัดอากาศ 70-94% กลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งพลังงานความร้อน (ความร้อนที่เหลือทิ้งจากระบบอัดอากาศที่มีอุณหภูมิสูงถึง 90 องศาเซลเซียส) สามารถนำมาใช้ในเชิงสุขอนามัยและใช้เป็นระบบน้ำร้อนได้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ควาามร้อนในกระบวนการผลิต
การกู้คืนนำพลังงานความร้อนในระบบอัดอากาศกลับมาใช้ใหม่ช่วยลดความจำเป็นในการซื้อพลังงานความร้อน ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ผลกำไรของบริษัทก็เพิ่มขึ้นและยังเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: หัวใจสำคัญของการบำรุงรักษาและการควบคุมระบบ
อีกหนึ่งทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เลือกปฏิบัติก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอัดอากาศที่มีอยู่แทนการซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย ระบบอัดอากาศต้องการการเอาใจใส่และดูแลเป็นพิเศษ การละเลยการบำรุงรักษาจะทำให้เครื่องอัดอากาศทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง
นั่นคือเหตุผลที่ระบบอัดอากาศจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยคุณควรจะตรวจสอบระบบอัดอากาศอย่างต่อเนื่องและมีการควบคุมระบบเป็นอย่างดี แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือในด้านแผนการบำรุงรักษาจากบริษัทผู้ผลิตตามกำหนด แต่เพื่อให้คุณมั่นใจถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ รวมถึงความระมัดระวังในการปฏิบัติงานในแต่ละวันของผู้ใช้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
ตัวอย่างง่ายๆเลยคือแรงดันอากาศขณะใช้งาน (working air pressure) ซึ่งแรงดันที่สูงขึ้นหมายถึงการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย การเพิ่มแรงดันขึ้นเพียงแค่หนึ่งบาร์ก็สามารถกินพลังงานได้เพิ่มขึ้นถึง 7% และจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คุณในฐานะผู้ใช้งานควรตระหนักอยู่เสมอว่าการใช้งานของคุณต้องการแรงดันมากเพียงใดและระบบจะสูญเสียแรงดันเมื่อใด เพราะตามทฤษฎีแล้วระบบอัดอากาศจะได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการสูญเสียแรงดันระหว่างเครื่องอัดอากาศและอุปกรณ์ที่อยู่ห่างที่สุดไม่ควรเกิน 0.1 บาร์
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการระบบอัดอากาศคือการติดตั้งระบบควบคุม (controller) ที่ทันสมัยซึ่งจะสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน ความพร้อมในการใช้งานและสถานะการทำงานที่เชื่อถือได้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เราทราบปัญหาและแก้ไขได้อย่างทันท่วงที แต่ยังช่วยลดแรงดันในการทำงานไปในตัวและที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานเมื่อมีความต้องการอากาศอยู่ในระดับต่ำ คอนโทรลเลอร์ (controller) ยังสามารถเชื่อมต่อแบบอัจฉริยะเพื่อตรวจสอบและตั้งค่าระบบอัดอากาศได้จากระยะไกลผ่านระบบออนไลน์
การที่คุณสามารถตรวจสอบและควบคุมแรงดันรวมถึงอัตราการไหลของลมได้อย่างง่ายดายผ่านระบบออนไลน์นั้นเพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณภาพของอากาศที่จ่ายจากระบบอัดอากาศจะเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
การรับประกันคุณภาพของลมอัดที่ผลิตจากเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green compressor)
สาเหตุที่บริษัทจำนวนมากยังไม่เปลี่ยนมาใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ตระหนักถึงปัญหาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่อาจเหตุผลทางด้านการจัดการ รวมไปถึงประสิทธิภาพและคุณภาพการทำงานหลังจากเปลี่ยนไปใช้ ECO Compressor แล้วจะเป็นอย่างไร
เราในฐานะผู้ผลิตขอตอบเลยว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของเราทุกตัวนั้นได้มาตรฐานเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานข้อกำหนดระดับสูงด้านอากาศอัดที่ใช้ในกระบวนการผลิต เรามั่นใจว่ากระบวนการผลิตของคุณจะไม่มีการปนเปื้อนอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์ของเราผ่านการยอมรับว่าสามารถใช้ในที่ต้องการความสะอาดสูงได้ เช่นห้องปลอดเชื้อที่ใช้ในการผลิตยา การผลิตอาหารและเครื่องดื่มหรือการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะการรักษามาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดนั้นสำคัญกว่าการใช้อุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
นั่นคือเหตุผลเราที่เราปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพ ISO 8573-1 และ ISO 22000 รวมถึงข้อเสนอของอุตสาหกรรมอากาศอัดอย่างเคร่งครัด
และเพื่อรักษากระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้นเราขอแนะนำให้คุณใช้อุปกรณ์ที่สามารถกรองอากาศแบบคุณภาพสูง เช่น เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบไร้น้ำมัน ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 8573-1 Class 0 จะผลิตอากาศอัดที่มีคุณภาพสูงปราศจากไอน้ำมัน ฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนอื่น ๆ ซึ่งโรงงานผลิตยังได้รับการรับรอง ISO 22000 แสดงให้เห็นถึงการใส่ในในความสะอาดตั้งแต่กระบวนการผลิต รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะมอบระบบการผลิตอาหารที่สะอาดและปลอดภัย
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม: หัวใจสำคัญของการบำรุงรักษาและการควบคุมระบบ
การที่เราหันมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น เกิดจากการที่พวกเราหันมาใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีการกำหนดกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการงดแจกถุงพลาสติกตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ รวมถึงมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการที่ตระหนักถึงปัญหานี้จึงเลือกลงทุนเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ล้ำสมัย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด เพราะในอนาคตเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมรุ่นเก่าอาจจะไม่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายมลพิษกำหนด
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ส่วนมากได้ออกมาเตือนหลังจากพบว่าโลกของเราร้อนขึ้นและจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่ช่วยกัน ที่สำคัญสิ่งแวดล้อมต่างๆ จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เช่นภัยธรรมชาติต่างๆ ภัยแล้ง ไฟป่า น้ำท่วมและพายุที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แอตลาส คอปโก้ เล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนนี้จึงได้คิดค้นโซลูชั่นที่ช่วยอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เราขอร่วมต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ แอตลาส คอปโก้ ได้โดยตรงที่ Official Line@: atlascopcothailand
ระบบอัดอากาศ (compressed air) ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?