การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทุกต้นทุนในการผลิตอากาศอัด

หากไม่มีอากาศอัด อุตสาหกรรมทั้งหมดจะต้องปิดตัวลง การใช้งานที่ส่วนเกี่ยวข้องกับระบบอากาศอัดถือเป็น "ยูทิลิตี้ที่สี่" นอกเหนือจากไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ

การสร้างและการใช้อากาศอัดนั้นมีราคาแพงกว่าระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ตัวอย่างเช่น คาดว่า 10% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้โดยภาคอุตสาหกรรมใช้สำหรับอากาศอัด อีกอย่างคือ ใช้เงินเป็นจำนวนมากในแต่ละปีเพื่อจัดหาอากาศอัดในโรงงานผลิต

ดังนั้น ธุรกิจต่างๆ ควรให้ความสำคัญด้านการใช้พลังงานเมื่อมองหาการประหยัดพลังงานในระบบอากาศอัด มันมีบทบาทมากด้านต้นทุนอื่นๆ รวมกัน ความจริงแล้วต้นทุนการผลิตอากาศอัดประมาณ 80% ใช้พลังงานมากกว่าการลงทุนเริ่มแรกในระบบอัดอากาศและบำรุงรักษา

เข้าใจถึงค่าใช้จ่ายของระบบอัดอากาศและทำยังไงคุณถึงลดค่าใช้จ่ายด้านนั้นลงได้

ภาพรวมของระบบอัดอากาศของคุณ

การใช้งานอากาศอัดเพียงเล็กน้อยก็ยังต้องการเครื่องอัดอากาศในการผลิต การใช้อากาศอัดและก๊าซส่วนใหญ่ต้องการระบบที่ส่งอากาศอัดคุณภาพสูงไปยังจุดที่ต้องการ

นี่คือวิธีการที่เป็นไปได้สำหรับการประหยัด: ก่อนอื่นให้พิจารณาความต้องการอากาศอัดของโรงงานและส่วนประกอบทั้งหมดที่ประกอบเป็นระบบอากาศอัดที่จำเป็น (รวมถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้อง)

ข้อมูลดังกล่าว ผู้จัดการสามารถกำหนดได้ว่าส่วนประกอบเหล่านี้ - และกระบวนการที่เกี่ยวข้อง - สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร

ตัวอย่างเช่น หากบริษัทพร้อมที่จะขยายการผลิตหรือเพิ่มกระบวนการใหม่ จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนสำหรับความต้องการในอนาคต ไม่ใช่แค่ความต้องการในปัจจุบัน นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกที่เหมาะสมตามความต้องการของบริษัทตลอดจนระบบท่อลม

ส่วนประกอบต่างภายในระบบอัดอากาศ

1. Air compressors

อย่างแรกคือเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ราคาเริ่มต้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อยของการลงทุนทั้งหมด เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนโดยรวม จึงไม่สมเหตุสมผลที่จะซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าแต่มีการใช้พลังงานมาก การลงทุนในระบบอัดอากาศแบบประหยัดพลังงานน่าจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดตลอดอายุการใช้งาน

เมื่อเลือกเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมที่เหมาะสมกับงาน ความต้องการอากาศก็มีความสำคัญ หากการจ่ายอากาศคงที่ เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบความเร็วคงที่อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากความต้องการอากาศอันที่ผันผวน โมเดลที่มีตัวขับแบบปรับความเร็วได้ (VSD - Variable Speed Drive) น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ผู้ผลิตและโรงงานผลิตขนาดใหญ่มักต้องการเครื่องอัดอากาศหลายตัว สามารถเปิดและปิดได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของอากาศและให้ความยืดหยุ่นเพิ่มเติม

2. Dryers and filters

ถัดมาเป็นเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer) และตัวกรอง (Filter) สำหรับการใช้งานบางประเภท คุณภาพอากาศแทบจะไม่มีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม สำหรับหลายๆ คน คุณภาพอากาศที่สูงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่สำคัญที่จะป้องกันไม่ให้สารปนเปื้อนในอากาศเข้าไปในผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารและยา แต่ยังต้องปกป้องอุปกรณ์ปลายทางจากการกัดกร่อนและการปนเปื้อนด้วย

นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของอากาศอัดคุณภาพต่ำ: มันอาจจะถูกกว่าในระยะสั้นที่ไม่ต้องลงทุนในเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer) และตัวกรอง (Filter) แต่ในที่สุดจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายสูง

การเลือกเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer) และตัวกรอง (Filter) สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมตามการใช้งาน เพื่อจำกัดแรงดันตกคร่อมเมื่ออากาศผ่านเข้าไป เช่นเดียวกับเครื่องอัดอากาศ พลังงานเป็นปัจจัยหลักของการลงทุน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะชี้ให้เห็นว่าเรายังมีเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer) ที่มีเทคโนโลยี VSD อีกด้วย

Video: What dryer do I need for my compressor?

3. Drains

ระบบอัจฉริยะในการระบายน้ำเพื่อลดการสะสมของการเกิดคอนเดนเสทในกระบวนการอัดอากาศเมื่อจำเป็น วิธีนี้จะช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าเมื่อเทียบกับการจับเวลาที่ระบายออกตามช่วงเวลาแม้ว่าจะไม่มีการคอนเดนเสทก็ตาม ท่อระบายน้ำระบบอัจฉริยะที่มีการสูญเสียเป็น 0 เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สมเหตุสมผลซึ่งสามารถประหยัดพลังงานและเงินเมื่อเวลาผ่านไป

4.Piping

สิ่งสำคัญกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตและคุณภาพอากาศอัดคือระบบท่อลมที่ส่งผ่านลมอัดไปยังตำแหน่งที่ต้องการใช้ลม แม้แต่ระบบเครื่องอัดอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก็ยังสิ้นเปลืองพลังงาน เพราะหากระบบท่อมีรอยรั่วหรือมีขนาดไม่ถูกต้องจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าปกติ ทั้งๆ ที่ระบบท่อสามารถช่วยลดข้อจำกัดของอากาศ แรงดันตก และสามารถลดการรั่วไหลของอากาศอัดได้

นอกจากการเลือกวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการวางท่อแล้ว ผู้ปฏิบัติงานยังต้องเลือกระหว่างการวางแบบวน (Loop System) หรือ ก้างปลา (Branch System)

ระบบวนรอบ (Loop System) มีความสามารถในการส่งอากาศจากหลายทิศทางซึ่งแตกต่างจากระบบก้างปลา (Branch System) ที่มีการไหลในทิศทางเดียวโดยส่งอากาศไปยังแอปพลิเคชันที่ใกล้ที่สุดก่อน และอาจทำให้แรงดันตกที่ปลายน้ำซึ่งส่งผลต่อการผลิต

5. Air receiver tanks

ปัญหาที่เกี่ยวข้องคือการใช้ถังรับอากาศอัด หากมีขนาดเหมาะสม จะสามารถขจัดความต้องการที่ผิดพลาดในระบบอัดอากาศของคุณได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมเพิ่มเติมและช่วยลดการเปลี่ยนแปลงแรงดันของระบบ สามารถเพิ่มตัวควบคุมแรงดันเพื่อรักษาแรงดันในระบบอัดอากาศของคุณในขณะเดียวกันยังลดการรั่วไหลและประหยัดพลังงานอีกด้วย

Video: How to properly size air receivers?

6. การระบายความร้อนกับระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Ventilation and energy recovery)

ในขณะที่หลายบริษัทกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบอัดอากาศที่พวกเขาลงทุน พวกเขาอาจไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับความร้อนที่ปล่อยทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ในระหว่างกระบวนการอากาศอัด ตัวอย่างเช่น การระบายอากาศเพื่อช่วยลดการหมุนเวียนของความร้อน ซึ่งในทางกลับกันสามารถช่วยลดการใช้พลังงานเพิ่มได้อีก

นอกจากนี้ ความร้อนที่ปล่อยทิ้งส่วนใหญ่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในส่วนอื่นๆ ของการดำเนินงาน เช่น ให้ความร้อนในระบบ streaming หรือกระบวนการผลิต ด้วยเหตุนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบอัดอากาศ จำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนออกแบบห้องสำหรับระบบอัดอากาศ

7. Air leakage

เราสามารถกำจัดสิ่งที่อาจทำให้เกิดการทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพในระบบอัดอากาศก่อนมีการเริ่มใช้งาน ซึ่งสำคัญมากที่จะต้องตรวจสอบอย่างต่อเนื่องในขณะที่ใช้งานอยู่ รวมถึงการตรวจจับและซ่อมแซมการรั่วไหลของท่ออากาศอัดที่มีราคาแพง ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่อนบาทต่อปี โปรดทราบว่าการเพิ่มแรงดันอากาศของระบบจะเพิ่มการรั่วซึมและไม่สามารถแก้ไขปัญหาการรั่วไหลเหล่านี้ได้

8. ระบบควบคุมส่วนกลาง (Central controller)

ในระบบที่มีเครื่องอัดอากาศมากกว่าหนึ่งตัว ระบบควบคุมส่วนกลาง (Central Control) มีบทบาทสำคัญในการลดแรงดันเฉลี่ย (การลดแรงดัน 1 บาร์ช่วยลดการใช้พลังงานลง 7%) ควบคุมความจุของปริมาณอากาศอัด และควบคุมความเร็วของเครื่องอัดอากาศ

แม้ว่าสิ่งนี้ดูเหมือนจะมีหลายปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจ แต่ระบบอัดอากาศที่ออกแบบและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่การวางแผนล่วงหน้าและการลงทุนอย่างชาญฉลาดในตอนนี้จะได้ผลในอนาคตเสมอ

และหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับกระบวนการใดๆ ที่จะช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพระบบอัดอากาศและประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด โปรดติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา