ปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจุบันขับเคลื่อนให้เกิดการผลิตที่ยั่งยืน จนทำให้ 2 ปีที่ผ่านมา คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ได้กลายมาเป็นคำค้นหาที่ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นอันดับต้น ๆ โรงงานของคุณก็อาจกำลังเตรียมรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่กำลังเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การผลิตที่ยั่งยืนนี้อยู่เช่นกัน งั้นมาเริ่มด้วยการ ตรวจสอบระบบอัดอากาศ ที่จะทำให้คุณรู้ว่าจะเริ่มประหยัดพลังงานจากจุดไหนในโรงงานได้บ้าง
ทำไมถึงต้อง“ตรวจสอบระบบอัดอากาศ”?
ทราบหรือไม่ว่า ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหรือค่าไฟฟ้าจากระบบอัดอากาศในบางโรงงาน อาจสูงถึง 80% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมดที่โรงงานต้องจ่ายไป ซึ่งหมายถึงปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมามากขึ้นด้วย หลังจากเดือนตุลาคม 2566 ที่กลุ่มประเทศทางโซนยุโรปได้เริ่มมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนโดยการ เก็บ “ภาษีคาร์บอน” (Carbon Border Adjustment Machanism หรือ CBAM) กับผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกินกำหนดรวมถึงประเทศคู่ค้าใน EU ก็ทำให้ คาร์บอนเครดิต ถูกพูดถึงมากขึ้น โดยคาร์บอนเครดิต เป็นสิทธิที่ภาคการผลิตได้รับในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หากโรงงานสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ต่ำกว่าสิทธิที่ได้รับ เครดิตที่เหลือสามารถนำไปซื้อ-ขายได้ ถึงแม้ว่าโครงการนี้จะยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยแต่ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย ยิ่งราคาคาร์บอนเครดิตในปี 2565 กระโดดมาเป็น 107.23 บาท/tCO2eq จาก 34.34 บาท/tCO2eq ในปี 2564 ก็ทำให้ภาคธุรกิจเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะได้รับ การเริ่มต้นตรวจสอบระบบอัดอากาศ ไม่เพียงแต่จะทำให้โรงงานของคุณทราบพฤติกรรมการใช้อากาศอัด แต่ยังทำให้ตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีเครื่องอัดอากาศที่ถูกต้องเพื่อให้ตอบโจทย์การลดพลังงานและปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าด้วย
ฟรี ตรวจสอบคุณภาพอากาศอัด ด้วยเครื่องมือตรวจวัดพลังงาน กับ Atlas Copco ประหยัดพลังงานกว่า 30%
จากความมุ่งมั่นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การลดใช้พลังงานในระบบอากาศสามารถช่วยให้โรงงานของคุณเข้าถึงเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกทาง แต่คุณจำเป็นต้องทราบพฤติกรรมการใช้งานอากาศอัดในโรงงานให้ดีเสียก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ควรให้ทางแอตลาส คอปโก้ เข้ามาช่วยตรวจสอบระบบอัดอากาศของคุณ หลังจากที่เราได้ข้อมูลการใช้งานอากาศอัดในโรงงานจากอุปกรณ์วัดพลังงานของเรา แล้วยังสามารถนำข้อมูลนั้นไปวิเคราะห์ (Analyze) เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการใช้งานเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Optimize) โดยการตรวจเช็คระบบอัดอากาศผ่านเครื่องมือตรวจวัดพลังงาน นี้ใช้ระยะเวลาเพียง 10 นาที เป็นระยะเวลา 7-14 วัน ไม่รบกวนกระบวนการผลิตของคุณแต่อย่างใด คุณจะได้รับข้อมูลเหล่านี้เมื่อตรวจสอบระบบอัดอากาศด้วยเครื่องมืออัจฉริยะกับเรา
● บันทึกสถานะของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมนานถึง 1 สัปดาห์ (อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 14 วัน)
● ทราบอัตราการใช้ลมอัดโดยเฉลี่ย
● ทราบอัตราส่วนการใช้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (load/unload)
● คำนวนปริมาณการใช้งานลมอัดสูงสุดและลมอัดน้อยสุด
● วิเคราะห์พฤติกรรมและลักษณะของการใช้ลมอัดในแต่ละวัน
● ประเมินค่าไฟปัจจุบันเป็นรายสัปดาห์และรายปี
● แสดงให้เห็นถึงความต้องการอากาศอัดในโรงงานของคุณ
● ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานของคุณ
● สร้างรายงานที่แสดงศักยภาพในการประหยัดของคุณ
แม้คาร์บอนเครดิตจะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทรนด์นี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากหลายประเทศทั่วโลก และในอนาคตอันใกล้ ทั้ง 7 อุตสาหกรรมหลักที่ทำการค้ากับกลุ่ม EU ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า ไฮโดรเจน และสินค้าปลายน้ำ เช่น น็อตและสกรูที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า จำเป็นต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อลดภาษีคาร์บอนที่อาจถูกเรียกเก็บจากการส่งออกสินค้า มาเตรียมความพร้อมให้โรงงานของคุณตั้งแต่ตอนนี้ ด้วยการตรวจวัดระบบอัดอากาศกับเครื่องมือตรวจวัดพลังงาน รับคำแนะนำด้านเครื่องอัดอากาศจากผู้เชี่ยวชาญจาก Atlas Copco เพียงแอดไลน์เพิ่มเพื่อนด้านล่างนี้
เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม คุณภาพอากาศอัด Air Quality Atlas Copco ระบบอากาศอัดสำหรับอุตสาหกรรม เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม