วิธีเพิ่มความยืดหยุ่นให้สายการประกอบของคุณ
การแปลงเป็นระบบดิจิตอลที่เรากำลังประสบนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ต่อการผลิตด้วยการหลอมรวมกันอย่างอัจฉริยะของกลไก อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์
ด้วยระบบกายภาพไซเบอร์ที่อุปกรณ์ต่างๆ มีการโต้ตอบกัน ช่วยทำให้มีการปรับตัวและความยืดหยุ่นสูงขึ้นมาก เนื่องจากเซนเซอร์ในระบบกายภาพไซเบอร์จะให้ความโปรงใสของกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับตัวด้วยตัวเองให้เข้ากับอิทธิพลภายนอก ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตที่ได้รับคำสั่งซื้อผ่านบริการระบบคลาวด์ และเปลี่ยนแปลงสายการผลิตในทันที จะมีความยืดหยุ่นกว่ามากในการปรับให้เข้ากับความต้องการและคุณภาพของลูกค้าที่แตกต่างกันระบบการผลิตที่ยืดหยุ่นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ ความยืดหยุ่นของเครื่องจักรและความยืดหยุ่นของเส้นทาง ความยืดหยุ่นของเครื่องจักร หมายถึง ความสามารถในการใช้เครื่องจักรที่หลากหลายสำหรับการทำงานเดียวกัน และความสามารถของระบบในการปรับแต่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น ปริมาณและความสามารถ ความยืดหยุ่นของเส้นทาง หมายถึง ความสามารถของระบบในการปรับให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ใหม่และลำดับการประกอบชิ้นส่วนที่นำผลิตภัณฑ์มารวมเข้าด้วยกันในการดำเนินการที่ทันสมัยที่สุด แดชบอร์ดที่ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับสมาร์ทโฟนจะใช้ในการนำเสนอเอาต์พุตจากอัลกอริทึมที่ซับซ้อนที่ทำการเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ที่ซับซ้อน ในกรณีศึกษาหนึ่งที่ทำภายใต้มาตรฐานของแคนาดา การวิเคราะห์ขั้นสูงช่วยเพิ่มผลผลิตรายวันขึ้นถึง 5 ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ โดยช่วยให้ผู้จัดการสามารถกำหนดและจัดสรรพนักงานและอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลังจากการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์สายการประกอบที่ยืดหยุ่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับเข้ากับทั้งการเปลี่ยนแปลงที่วางแผนไว้และไม่ได้วางแผนเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของการประกอบขั้นสูงและการผลิตอัจฉริยะ เนื่องมาจากประสิทธิภาพเครื่องจักร แรงงาน และอัตราการผลิตที่สูงขึ้น เป็นต้น
มีการประเมินว่าการใช้ IoT จะสามารถช่วยลดการบาดเจ็บของพนักงานในสภาพแวดล้อมของโรงงานได้ 10 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประหยัดได้สูงถึง 225 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในปี 2025...ดาวน์โหลดเอกสารสรุปเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดโรงงานอัจฉริยะ - ประตูสู่อุตสาหกรรม 4.0! ของเรา