วิธีทำให้มนุษย์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำงานร่วมกันในสายการประกอบของคุณ
แม้ว่าจะเข้าสู่ยุคดิจิตอลแล้ว ในการผลิต เราไม่ควรมองข้ามปัจจัยด้านมนุษย์ การโต้ตอบและความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์จะเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา
Cobots
Cobot หรือ Collaborative Robot เป็นหุ่นยนต์ที่สร้างมาให้ทำงานร่วมกับ และใกล้ชิดกับมนุษย์ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวนมากที่มักถูกแยกห่างจากมนุษย์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในบริบทของการผลิตอัจฉริยะ หุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้สามารถรับรู้ถึงความไม่แน่นอนของข้อมูล เปลี่ยนแปลงการจัดการการกำหนดเวลา และปรับพฤติกรรมการผลิตเพื่อรับมือกับปัญหาด้านการผลิตที่ซับซ้อนได้อย่างอิสระ การใช้อัลกอริธึมแบบกระจายสำหรับการกำหนดค่าใหม่ของหุ่นยนต์ที่กำหนดค่าใหม่ด้วยตัวเองได้จะช่วยลดความซับซ้อนในการกำหนดค่าหุ่นยนต์ลงได้อย่างมาก Cobot สามารถทำงานได้อย่างเป็นอิสระและสามารถจัดการกับการกำหนดเวลาที่เปลี่ยนแปลงได้ของโรงงานอัจฉริยะที่มีสายการผลิตที่เชื่อมต่อกันได้เครื่องจักรอัจฉริยะแสดงบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร นั่นเป็นเพราะเครื่องจักรจะได้รับความช่วยเหลือกับทุกงาน ทุกบทบาท และทุกสิ่งที่ทำที่ไซต์การผลิตที่มีสถานการณ์แบบไดนามิก เช่นเดียวกับบนสายการประกอบขั้นสูง ดังนั้นจึงสามารถใช้การโต้ตอบระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอัจฉริยะได้ภายในสภาพแวดล้อมการผลิตที่ซับซ้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตแบบยืดหยุ่นสายการประกอบที่ยืดหยุ่นกำลังมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการผลิต ซึ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคในระดับที่สูงกว่าเดิมมาก Cobot สามารถช่วยได้ในกรณีที่มีการปรับสมดุลสายการประกอบใหม่ ด้วยความสามารถในการปรับพฤติกรรมให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่Augmented Reality
อุปกรณ์ Augmented Reality สำหรับพนักงาน เช่น แท็บเล็ต หมวกนิรภัย หรือแว่นตา ช่วยปรับปรุงทั้งการสื่อสารและการแสดงภาพข้อมูลเชิงบริบทเทคนิคนี้ช่วยให้พนักงานแผนกซ่อมได้เห็นด้านในของเครื่องที่ต้องทำการซ่อมด้วยความช่วยเหลือของภาพซ้อนดิจิตอล หรือการมองผ่านกำแพงได้เพื่อดูสายเคเบิลและท่อที่อยู่ด้านหลังเพื่อดูว่าควรเจาะหรือตัดที่ใดบ่อยครั้งที่มีการใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล IoT และติดธงความผิดปกติใดๆ หรือให้คำแนะนำแก่ผู้ติดสินใจ พนักงานที่ทำงานที่โรงงานจะสามารถเข้าถึงชุด Metadata ที่เชื่อมโยงกับเครื่องจักรแต่ละเครื่อง และพนักงานสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อพบกับปัญหาที่ไม่รู้จัก หรือต้องการความคิดเห็นอื่นมีการประเมินว่าการใช้ IoT จะสามารถช่วยลดการบาดเจ็บของพนักงานในสภาพแวดล้อมของโรงงานได้ 10 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประหยัดได้สูงถึง 225 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีในปี 2025...ดาวน์โหลดเอกสารสรุปเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดโรงงานอัจฉริยะ - ประตูสู่อุตสาหกรรม 4.0! ของเรา